วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 4 : โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ [JAVA]


Week 4 : โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ [JAVA]

Java ภาษาจาวา คืออะไร มาเรียนรู้กัน



ภาษาจาวา (Java) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์เชิงวัตถุ (Object Oriented) ที่มอง คิด ออกแบบ และเขียนโปรแกรมในลักษณะของเชิงวัตถุทั้งหมด โดยผู้ให้กำเนิดภาษาจาวาก็คือ เจมส์ กอสลิ่ง (James Gosling) โดยจริง ๆ แล้วภาษาจาวานั้นเดิมมีชื่อว่า ภาษาโอ๊ค (Oak) ซึ่งเป็นภาษาที่ถูกออกแบบมาให้ทดแทนการทำงานของภาษา C++ เพราะตอนนั้น กอสลิ่ง มองเห็นว่าภาษา C++ ไม่เหมาะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากมีการใช้หน่วยความจำที่มาก และ มีการทำงานที่ค่อนข้างช้า โดยเรามาดูข้อดี ข้อเสียของภาษาจาวากันครับ

ข้อดี
1. Write Once, Run Anywhere คือเขียนครั้งเดียวรันได้ทุกที ทุกอุปกรณ์ที่รองรับการทำงานของภาษาจาวา (JRE)
2. Object Oriented คือ เป็นภาษาเชิงวัตถุรองรับการออกแบบเชิงวัตถุ และการเขียนเชิงวัตถุ
3. รองรับการพัฒนาโปรแกรมบนหลากหลาย Platform (J2SE, J2ME และ J2EE)
4. ความเรียบง่าย กล่าวคือ ภาษาจาวาเป็นภาษาที่ถูกออกแบบมาอย่างดี
5. มีความปลอดภัยสูง เ้ข้มงวดในเรื่องของความผิดปกติของโปรแกรม
6. มี Class จำนวนมากมาย ทำให้ผูเขียนโปรแกรมภาษาจาวาไม่จำเป็นจะต้องเขียนโปรแกรมนั้น ๆ หากมี Class ให้ใช้งานอยู่แล้ว
7. ฟรี ภาษาจาวา สามารถนำมาพัฒนา และติดตั้งได้ฟรี และไม่ใช่เฉพาะตัวภาษาเท่านั้น ตัว IDE ก็ยังฟรีอีกด้วย
8. ระบบจัดการคืนพื้นที่หน่วยความจำอัตโนมัติ (Automatic Garbage Collection) ช่วยให้โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องกังวลในเรื่องของการคืนหน่วยความจำให้กับระบบ (ในกรณีปกติ แต่ไม่ทุกกรณี)

ข้อเสีย
1. ภาษาจาวา เป็นภาษาที่เรียนรู้ค่อนข้างยาก ถ้าเปรียบเทียบกับภาษาอื่น ๆ เช่น C, PHP และ VB เป็นต้น
2. ภาษาจาวา เป็นภาษาที่มีกฏเกณฑ์ที่ค่อนข้างเข้มงวด และีมีคำศัพท์ต่าง ๆ มากมาย
3. ภาษาจาวา "อาจจะ" ไ่มเหมาะกับการพัฒนาระบบงานที่ต้องการเสร็จได้ระยะเวลาอันสั้น หรือระบบงานขนาดเล็ก
4. ภาษาจาวา "อาจจะ" ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรม (บางท่านบอกว่าเรียนยาก และไม่ค่อยเห็นหน้าตาของโปรแกรมเหมือนภาษาอื่น ๆ จึงทำให้เบื่อในการเขียนโปรแกรม)

ที่มา : http://www.amplysoft.com/knowledge/Java%20%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%20%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%20%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99.html

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

WEEK 3 : SOCIAL NETWORK กับนักเรียนและสังคมไทย

WEEK 3 : SOCIAL NETWORK กับนักเรียนและสังคมไทย
        ในช่วงเวลานะปัจจุบันโลกของโซเชียลที่ทุกคนพูดถึงและรู้จักกันนั้น ได้มีผลกระทบต่อกับสังคมไทยเราไปมากมาย ทั้งข้อดีละข้อเสีย แล้วในหัวข้อนี้เราจะมาดูกันว่าข้อดีมีอะไรบ้าง และข้อเสียมีอะไรดังต่อไปนี้

ข้อดีของ SOCIAL NETWORK
        -   เป็นสิ่งใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ความบันเทิง และข่าวสาร
        -   เป็นแหล่งเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น รูปถ่าย ข้อความ ข้อมูลส่วนตัว เป็นต้น
        -   ใช้เป็นสื่อในการโฆษณาสินค้า และบริการ
        -   อื่นๆอีกมากมาย

ข้อเสียของ SOCIAL NETWORK
           -  หากผู้ใช้โซเชียลรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวได้ง่าย
           -  ระมัดระวังพวกมิจฉาชีพมาหลอกโอนเงินซื้อสินค้า และค้าบริการ
           -  ผู้ใช้โซเชียลส่วนใหญ่อยู่กับหน้าคอมฯ เป็นเวลาหน้าจึงทำให้ติด เป็นนิสัย 
                     ทำให้เสียสายตาและเสียเวลาว่างไปป่าวประโยชน์
           -  อื่นๆอีกมากมาย
 

            ถ้าเรารู้จักแบ่งเวลาและเข้าใจในการเลือกใช้ SOCIAL NETWORK อย่างถูกต้อง เราก็ใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค้าและมีความสุขครับผม ^^

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week2 : เรื่องที่นักเรียนสนใจ

Week2 : เรื่องที่นักเรียนสนใจ

ทฤษฎีการ์ตูน ONE PIECE ที่โคตรลึก จนอ่านแล้วน้ำตาไหล


ผมไปเจอทฤษฎีวันพีชนี้ในอินเตอร์เน็ตครับ แปลมาจากภาษาอังกฤษ
อ่านแล้วขนลุก เพราะเจ้าของทฤษฎีวิเคราะห์ไว้ได้อย่างเชื่อมโยง 
และเหนือความคาดหมายมาก
คิดว่าถ้าเป็นระดับโอดะ คงไม่ยากที่จะคิดได้ขนาดนี้ 
หรือ ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านี้

ปล. SPOILER ALERT
ถ้าทฤษฎีนี้เกิดจริงขึ้นมา มันจะเป็นการสปอยล์ทุกสิ่งทุกอย่างในวันพีชครับ
ดังนั้น ผมขอเตือนสปอยล์ไว้ อย่างหนาๆ ตรงนี้เลย

———

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีอาณาจักรยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งตั้งอยู่บนดวงจันทร์ 
อาณาจักรโบราณ วิทยาการหลายพันปี เทคโนโลยีล้ำโลกไปไกล
อาณาจักรนี้มีชื่อว่า เบียร์ก้า (Beerka, Birka) 

ชาวเบียร์ก้ามีปีก สามารถสร้างหุ่นยนต์ สร้างไดอัล (เทคโนโลยีที่ใช้บนเกาะลอยฟ้า skypia)

แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อทรัพยากรหมด พวกเขาจำต้องอพยพลงมาอยู่บนโลกสีฟ้า
(ในภาค skypia เอเนลูสร้างยานพยายามบินไปดวงจันทร์ พยายามพูดถึงแฟรี่ยาร์ด)

แบบแปลนยานที่ใช้อพยพ น่าจะเป็นแปลนที่อยู่กับทอม (อาจารย์แฟรงกี้) 
เป็นยานที่บินได้ ใช้พลังงานมหาศาล

ตอนที่ชาวเบียร์ก้าเดินทางมายังโลก พวกเขามาโดยสันติ
ตั้งใจมาตั้งถิ่นฐานยังโลก จึงยินดีที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีให้มนุษย์โลกได้ร่วมใช้
ไม่นานจากนั้น โลกก็พัฒนากลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่

แต่พลังอำนาจไม่เข้าใครออกใคร
องค์กรลับของมนุษย์โลกสีฟ้าอยากครอบครองเทคโนโลยีนี้เสียเอง จึงเริ่มทำการแย่งชิง 
การแย่งชิงครั้งใหญ่นี้ ทำให้โลกเข้าสู่ยุคสงคราม


เมื่อเข้าสู่สงคราม ชาวเบียร์ก้าสร้างอาวุธลับสามอย่างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง
อาวุธสามอย่างนั้น มีชื่อว่า 
พลูตัน โพเซดอน และยูเรนัส

ซึ่งอาวุธแต่ละอย่าง มีความสามารถที่ต่างกัน

พลูตันเป็นอาวุธที่ใช้สำหรับป้องกัน 
มันทำปฎิกิริยากับแผ่นดินใต้น้ำให้ระเบิดออก แล้วก่อตัวแผ่นดิน
สร้างเป็นโล่ป้องกันศัตรูที่จะเข้ามาทางน้ำ

โพเซดอนเป็นอาวุธสายซัพพอร์ต
มีความสามารถในการควบคุมเจ้าแห่งทะเล 
ให้มาเป็นกองกำลังช่วยต่อกรกับมนุษย์ทะเลสีฟ้า

ส่วนยูเรนัส ยูเรนัสเป็นอาวุธสายทำลายล้าง
อาจเป็นปืนใหญ่ที่กระสุนสร้างจากทรายบนดวงจันทร์
ซึ่งมีคุณสมบัติเดียวกับน้ำทะเล แต่อยู่ในรูปของแข็ง
เพื่อให้สามารถต่อกรกับผู้ที่มีพลังผลปีศาจได้

สงครามครั้งนี้ยืดเยื้อยาวกว่าร้อยปี
และสุดท้ายถึงแม้ว่าชาวเบียร์ก้าจะมีอาวุธสามอย่างนั้น
พวกเขาก็ยังแพ้สงคราม

ผลพวงจากสงครามครั้งนั้น ทำให้โลกสีฟ้าที่เคยรุ่งเรือง
เละเทะจนไม่เหลือชิ้นดี
แทบทุกอาณาจักรล่มสลาย

แผ่นดินที่ก่อขึ้นใหม่อันเป็นผลจากกระทำของพลูตัน 
ได้แบ่งผืนน้ำที่เคยเป็นหนึ่งเดียว ออกเป็นสี่ส่วน
กั้นโดยเรดไลน์ แบ่งโลกออกเป็นบลูต่างๆ

โพเซดอน ทำให้ทะเลมีส่วนที่เรียกว่า คาล์มเบล
สถานที่ที่เจ้าแห่งทะเลถูกจัดให้อยู่เป็นแนวรับ
เพื่อต่อกรกับชาวทะเลสีฟ้าไม่ให้ข้ามมายังแกรนไลน์ได้

ส่วนยูเรนัส ได้จมลงสู่มหาสมุทร
กระสุนปืนใหญ่กระจายไปทั่วท้องทะเล แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นั่นเป็นที่มาของหินสีฟ้า (Sea stone) หินที่ใช้ใช้สลายพลังของผลปีศาจ

ชาวเบียร์ก้าผู้มีปีกที่รอดชีวิตจากสงคราม 
ต่างพากันซ่อนตัวจากการตามล่าขององกรลับ
ปกปิดปีกของเผ่าพันธุ์ตนโดยการแต่งงานกับมนุษย์โลกสีฟ้า
สืบสายเลือดโดยการใช้ “D” เป็นชื่อกลาง
ซึ่งมีที่มาจากสัญลักษณ์ halfmoon 
หรือรูปดวงจันทร์ ที่เหลือเพียงครึ่งเดียว

ส่วนองกรลับ หลังจากที่กำจัดชาวเบียร์ก้าไปแทบหมดสิ้น
ก็ขึ้นยึดอำนาจเก่า พร้อมกับเรียกตัวเองว่า “รัฐบาลโลก”
แล้วเริ่มทำการสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ เขียนตัวเองให้ดูดี
ทำหลายทุกหลักฐานความผิดที่ตัวเองเคยสร้างไว้ 
ในช่วงเวลา 100 ปี ที่ว่างเปล่า

ชาวมีปีกผู้รอดชีวิตจากสงคราม รวมตัวกันเป็นครั้งสุดท้าย
ที่ฐานทัพลับ ณ เกาะปลายสุดของแกรนด์ไลน์ ที่ชื่อว่าราฟเทล
ซ่อนข้อความสุดท้าย ที่จะเฉลยทุกอย่าง ใน 100 ปีแห่งสงครามนั้น
ด้วยภาษาโบราณที่จะไม่มีใครอ่านออก
หวังว่าวันหนึ่ง สายเลือดชาวเบียร์ก้าในอนาคตจะมาพบ 
และช่วยเปิดเผยทุกอย่าง

(นี่เป็นสาเหตุที่เกาะโอฮาร่า โดนบัสเตอร์คอลล์)

หลายร้อยปีผ่านไปไม่มีใครทำสำเร็จ
สิ่งที่สืบทอดกลายเป็นเรื่องเล่า เรื่องเล่ากลายเป็นตำนาน
ตำนานโบราณ ซึ่งเรียกกันว่า
“เจตนารมณ์ ของ D”

และที่ราฟเทล ยังมีของอีกสิ่งหนึ่ง ที่ถูกฝังคู่กับข้อความสุดท้ายนี้

มันเป็นอาวุธโบราณชิ้นสุดท้ายของชาวเบียร์ก้า 
อาวุธที่ไม่มีความสามารถในการทำลายล้าง
แต่มันเป็นอาวุธ ที่จะทำให้แผ่นดินทีผลุดขึ้นจากการกระทำของพลูตัน
กลับลงไปสู่มหาสมุทรเหมือนเดิม

เมื่อถึงเวลานั้น ทะเลจะกลายเป็นออล์บลูที่ซันจิฝันถึง
เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อทะเลทั้งสี่กลับมารวมกัน
มันจะกลายเป็นที่มาของมหาสมบัติ ที่เรียกกันว่า 
“ONE PIECE”

หรือความสงบสุข จากโลกที่เป็นหนึ่งเดียว

————

800 ปี ต่อมา โจรสลัดชื่อ D คนหนึ่งเดินทางไปถึงราฟเทล และค้นพบความจริงทุกอย่าง
แต่ด้วยโรคร้ายที่รักษาไม่หาย ทำให้เขามีเวลาไม่มากพอที่จะสานต่อเจตนารมณ์
เขารู้ดีว่าพลังของอาวุธชิ้นสุดท้ายที่จะนำมาซึ่ง ONE PIECE นี้ 
ไม่สามารถสำเร็จผ่านคนเพียงหยิบมือได้

โจรสลัดชื่อ D จึงตัดสินใจมอบตัวกับรัฐบาลโลก
ตั้งใจประกาศยุคทองโจรสลัด ณ ใจกลางลานประหาร

ด้วยประโยคเดียว ซึ่งปลุกตำนานขุมทรัพย์แห่งโจรสลัด


“สมบัติของข้าถ้าอยากได้ ข้าจะยกให้
ณ ปลายทางแห่งท้องสมุทรอันยิ่งใหญ่ ข้าซ่อนมันไว้ที่นั่นแล้ว”

“ONE PIECE มีอยู่จริง!!”

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week 1 : เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน

WEEK 1:เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของนักเรียน

          เทคโนโลยีที่เราใช้ในชีวิตประจำวันนั้นมีมากมายยิ่งนัก ดังนั้นเรามาทำความรู้จักของคำว่า "เทคโนโลยี" กันก่อนดีกว่า


เทคโนโลยี(Technology) คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานหรือการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น คอมพิวเตอร์   โทรศัพท์  ตู้เย็น  ไมโครเวฟ  และอื่นๆ      
       จะเห็นได้ว่าของทุกอย่างในชีวิตประจำวันของเรานั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีทั้งสิ้น  แล้วเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของผมมีมากมายนับไม่ถ้วน ยกตัวอย่างเช่น 
  1. คอมพิวเตอร์    ใช้ในการทำงานหาความรู้ , ฟังเพลง , เล่นเกมส์
  2. โทรศัพท์มือถือ   ใช้ในการติดต่อสื่อสารระยะไกล
  3. พัดลม / แอร์    ช่วยให้อากาศโดยรอบเย็นขึ้น
  4. และอื่นๆอีกมากมาย

              ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่างๆได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราทุกๆคน  ไม่ใช้แค่ของผมคนเดียวแล้วเพื่อนๆละ มีเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอะไรบ้าง?